มหาวิทยาลัยมหาสารคาม สู่การเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม สร้างความภาคภูมิใจในการได้รับการจัดอันดับ การเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียวอันดับที่ 4 ของประเทศ และอันดับที่ 126 ของโลก จากการจัดอันดับของ UI GreenMetric World University Ranking 2011 เป็นการจัดอันดับการเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียวของมหาวิทยาลัยทั่วโลกที่เข้าร่วม โดยใช้ตัวชี้วัดหลักที่แสดงให้เห็นความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยในการพัฒนาระบบการจัดการและการจัดทำโครงสร้างพื้นฐานที่คำนึงถึงการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย สมัปปิโต อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เปิดเผยถึงการได้รับการจัดอันดับในครั้งนี้ว่า สำหรับมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็น มหาวิทยาลัยสีเขียว อันดับที่ 4 ของประเทศ และอันดับที่ 126 ของโลกนั้น ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมหาวิทยาลัยได้มีนโยบาย วางเป้าหมายการดำเนินการของมหาวิทยาลัยอย่างชัดเจน ในการมุ่งสู่ความเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว (Green University) โดยเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา ได้มีการจัดระบบบริหารจัดการด้านพลังงานสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ให้เป็นไปตามมาตรฐานอย่างมีคุณภาพและบูรณาการระบบเหล่านั้น ให้เข้ากับการดำเนินการทุกด้านของมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็น การปรับปรุงพัฒนาภูมิทัศน์มหาวิทยาลัย ด้านการอนุรักษ์พลังงาน การรักษาความปลอดภัย การดำเนินการเกี่ยวกับการจราจรมหาวิทยาลัย การจัดการของเสีย และการจัดการขยะมูลฝอยแบบบูรณาการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (Integrated Solid Waste Management : Mahasarakham University)
นอกจากนี้ การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม โครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว การเพิ่มพื้นที่สีเขียว โดยการปลูกหญ้า ปลูกต้นไม้ ระบบพาหนะเดินทางในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ก็ได้นำรถรางประหยัดพลังงานมาบริการบุคลากรและนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ซึ่งได้รับการตอบรับและร่วมมือเป็นอย่างดี และจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อความยั่งยืน อีกทั้งเป็นต้นแบบให้กับมหาวิทยาลัยและหน่วยงานอื่นทั้งภาครัฐและเอกชน ได้นำไปประยุกต์ให้เกิดผลดีต่อสภาพแวดล้อม ตลอดจนชุมชนและอุตสาหกรรมที่อยู่รอบข้างมหาวิทยาลัยและก่อให้เกิดผลดีต่อสภาพแวดล้อมของประเทศโดยรวม”
การจัดอันดับมหาวิทยาลัยสีเขียวของมหาวิทยาลัยทั่วโลกโดย UI Green Metric Ranking of World Universities 2011 จัดโดย University of Indonesia หรือ UI เป็นกลไกเพื่อส่งเสริมให้สถาบันการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยทั่วโลกได้จัดทำนโยบายและจัดระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยให้เกิดความยั่งยืนและเอื้อต่อการลดผลกระทบที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนโดยคำนึงถึงการอนุรักษ์พลังงาน การจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดี รวมถึงการเพิ่มพื้นที่สีเขียวและการส่งเสริมให้เกิดการใช้พลังงานทดแทน
ซึ่งเกณฑ์การตัดสินได้คำนึงถึงการจัดทำนโยบาย การพัฒนาระบบการจัดการ กิจกรรมการส่งเสริมให้เกิดการรับรู้และการนำระบบไปสู่การปฏิบัติให้ครบถ้วนภายในมหาวิทยาลัย มีเกณฑ์การให้คะแนน 5 ด้าน คือ 1) สถานที่ตั้งและระบบสาธารณูปโภค 2) การจัดการพลังงานและการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ 3) การจัดการขยะ 4) การใช้น้ำ และ 5) การจัดการระบบขนส่ง มีมหาวิทยาลัยเข้าร่วมการจัดอันดับ 178 แห่ง จาก 47 ประเทศ มหาวิทยาลัยนอตติงแฮม (University of Nottingham) ประเทศอังกฤษ ได้รับการประกาศให้เป็นมหาวิทยาลัยสีเขียวอันดับ 1 ของโลก ขณะที่ มหาวิทยาลัยมหาสารคามได้รับการจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว อันดับที่ 126 ของโลก และเป็นอันดับที่ 4 ของประเทศไทย มีมหาวิทยาลัยของไทย อีก 5 แห่ง ได้รับรางวัล ได้แก่ อันดับ 46 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อันดับ 47มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี อันดับ 70 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อันดับ 141 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และ อันดับ 151 มหาวิทยาลัยบูรพา นับเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยมหาสารคามที่มีความมุ่งมั่นที่จะมุ่งสู่ความเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียวและมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย สมัปปิโต กล่าวเพิ่มเติมว่า “สิ่งที่ทำให้มหาวิทยาลัยได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยสีเขียวนั้น เป็นผลจากหลายประเด็นประกอบกัน ทั้งข้อมูลที่ส่งไป เรื่องนโยบายด้านการอนุรักษ์พลังงาน การเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว รวมทั้งนโยบายและมาตรการของมหาวิทยาลัยที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มหาวิทยาลัยได้รับการจัดอันดับในครั้งนี้ และสิ่งที่สำคัญที่สุด ก็เพราะความร่วมมือร่วมใจของชาวมหาวิทยาลัยมหาสารคามทุกคน ที่มีส่วนร่วมผลักดันกิจกรรมด้านการอนุรักษ์พลังงานต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากจะทำให้มหาวิทยาลัยมีสิ่งแวดล้อมที่ดีแล้ว ยังทำให้ได้รับรางวัลซึ่งสร้างความภาคภูมิใจให้กับชาวมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ทุกคนอีกด้วย ในโอกาสนี้ ขอขอบคุณผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากรและนิสิตทุกคนที่ร่วมแรงร่วมใจในการพัฒนาสภาพพื้นที่ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม จนเป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานสากลในครั้งนี้ และเราจะพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นและยั่งยืนต่อไป”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น